Thursday, April 9, 2015

แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน 1 สิงหาคม 2557 เรื่อง เรียกร้องให้กษัตรย์ภูมิพลสละอำนาจและราชสมบัติ


แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน 1 สิงหาคม 2557


เรื่อง เรียกร้องให้กษัตรย์ภูมิพลสละอำนาจและราชสมบัติ
http://tahr-global.org/bhumibol-out/

ติดตามคลิปยูทูปได้ที่ http://2557constitution.blogspot.no/2014/08/1-2557.html


แถลงการณ์เรียกร้องให้กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช สละราชสมบัติและคืนอำนาจให้ประชาชน

โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
แถลง ณ วันที่ 1 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2557

เราขอแถลงการณ์ถึงกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชฯ เพื่อเรียกร้องให้ท่าน พิจารณาตัวเอง สละราชสมบัติ แล้วคืนอำนาจให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อให้พวกเขาปกครองตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ ให้ประชาชนปกครองประเทศ ด้วยอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน ใช้โดยตัวแทนประชาชนจริง ๆ เท่านั้น และเพื่อประชาชนโดยถ้วนหน้าจักได้ประโยชน์สุข ที่พวกเขาสมควรได้รับ อย่างแท้จริง    โดยพวกเราเห็นว่า ท่านได้ละเมิดหลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาเป็นเวลานาน จนเกิดผลเสียหาย ต่อประเทศชาติและประชาชนมาตลอด

นับตั้งแต่ท่านได้รับเชิญให้เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยท่านจะต้องให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ตามเจตนารมย์ของรัชกาลที่เจ็ด และโดยการยื่นคำขาดของคณะราษฏร ที่ได้ยึดอำนาจจากรัชกาลที่เจ็ด  เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมานั้น ท่านได้สัญญากับปวงชนชาวไทยในวันรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม”   แต่บัดนี้ กาลเวลาได้ล่วงเลยมานานนับ กว่า 68 ปีแล้ว ความจริงกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่   เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน   ท่านก็เริ่มสถาปนาอำนาจตนเอง  และสร้างเครือข่ายเพื่อพระราชา  ตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่ โดยเริ่มยึดอำนาจมารวมศูนย์ไว้ที่ตัวเอง แล้วสร้างเครือข่ายสมุนรับใช้อย่างแยบยล อันประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ข้าราชการประจำระดับสูง นักการเมืองที่ไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สื่อสารมวลชนที่ขายตัว นักธุรกิจระดับชาติ และกลุ่มผลประโยชน์ที่หากินร่วมกับสถาบันกษัตริย์ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดมาโดยตลอด ท่านได้ทำการล้มล้างอำนาจของคณะราษฏร  เขียนรัฐธรรมนูญหลังการรัฐประหารหลายครั้ง เพื่อเพิ่มอำนาจให้กษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงต้นรัชกาลปี 2500  รวมถึงปี 2519 ปี 2550 และที่เลวร้ายจนเกินอภัย คือ รัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับ  2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นับรวมแล้ว ได้ให้อำนาจกษัตริย์มีสถานะเป็นรัฐเหนือรัฐ ศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์ แตะต้องไม่ได้ และมีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน เอาคนทุกหมู่เหล่าไปเป็นฝุ่นใต้รองเท้าของท่าน  เอาทหารรักษาพระองค์มาสร้างรัฐทหาร ครอบงำอำนาจทุกส่วนในประเทศ   แต่ทั้งหมดนี้ อาจจะพอให้อภัยได้ หากท่านส่งเสริมให้ประชาชนอยู่โดยสงบสุข ยุติธรรม และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  โดยการทรงทศพิธราชธรรมของท่านและผู้ปกครองที่ท่านบงการ     แต่ความจริงก็คือ คนไทยหาความสุข สันติภาพ ความเป็นธรรม และเสรีภาพ อย่างแท้จริงจากท่านหาได้ไม่  เพราะท่านเลือกข้างและยืนตรงข้ามประชาชนผู้ยากไร้ แถมกดขี่ ขูดรีด และแม้แต่ให้ทหารรักษาพระองค์เข่นฆ่าประชาชนที่คิดต่างอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพียงเพราะกลัวจะเสียอำนาจ เสียอภิสิทธิ์ และเสียผลประโยชน์อันได้มาง่าย ๆ จำนวนมหาศาลนั่นเอง  ดังนั้น ปวงชนชาวไทยจึงมิได้เกิดความสุข และไม่ได้ผลประโยชน์จากการปกครองที่ท่านเป็นใหญ่อย่างแท้จริง  ดังจะได้สาธยาย ไว้พอสังเขปดังนี้


ประการที่หนึ่ง
ท่านทรยศต่อคำมั่นสัญญาที่บรรพบุรุษของท่านได้ให้ไว้กับปวงชนชาวสยาม ว่าจะคืนอำนาจให้ปวงชนชาวสยาม ไม่ใช่ให้บุคคลใด หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะ  แต่ท่านกลับดำรงตนผิดหลักการปกครองที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้

o   ท่านบงการการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วให้คนของตนเองเขียนขึ้นใหม่ โดยท่านรับรองการรัฐประหารว่าถูกต้องชอบธรรมทั้ง ๆ ที่เป็นการปล้นอำนาจประชาชนทั้งชาติและขัดต่อระบอบประชาธิปไตยตามแบบอย่างสากล ท่านได้ให้อภัยโทษแก่บรรดากบฏ ท่านยังได้ปูนบำเหน็จองค์คณะผู้ก่อการกบฏ แล้วสร้างความชอบธรรมจอมปลอมด้วยลายเซ็นต์ของท่านมาโดยตลอด   จนประเทศไทยมีสถิติการฉีกรัฐธรรมนูญมากที่สุดประเทศหนึ่งโดยเฉลี่ยแทบทุก ๆ สี่ปีนับแต่ได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นต้นมา    และเป็นประเทศที่ติดอันดับสี่ของโลก ในบรรดาประเทศที่มีการรัฐประหารมากที่สุด นี่เป็นพฤติกรรมที่เลวร้าย ผิดหลักการประชาธิปไตย ทรยศต่อคำสัญญา  และสร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ต่ออำนาจอธิปไตย ที่ประชาชน เป็นเจ้าของ และใช้โดยประชาชน ไม่ใช่โดยกษัตริย์และแนวร่วมในหมู่ขุนนางและศักดินา  ที่ได้ร่วมกันปล้นตามทฤษฎีการสมคบคิด

o   นอกจากนี้ ท่านได้สถาปนาตัวเองให้มีอำนาจในทุกด้าน โดยมีองค์มนตรีประสานและกำกับองค์กรรัฐและเอกชน ครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เป็นรัฐซ้อนรัฐ สามารถทำลายหลักประชาธิปไตยได้ดั่งใจ บงการและคุ้มครองผู้ทำผิดกฎหมาย จนหลักนิติรัฐถูกทำลาย  จนรัฐไทยภายใต้การปกครองในฐานะประมุขของท่าน เกือบเป็นรัฐที่ล่มสลายแล้วในวันนี้    กล่าวโดยรวมก็คือ ท่านเป็นประมุขในระบอบประชาธิปไตย แต่ได้เป็นตัวการบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของประชาชนเสียเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

o   นอกจากนี้ ท่านยังทำตัวเหมือนเทวดา อยู่เหนือกฎหมาย แตะต้องไม่ได้ ส่งเสริมความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างสองมาตรฐาน และวางตัวไม่เป็นกลาง คนที่รับใช้ใกล้ชิดท่านทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนประชาชนที่เรียกร้องหาประชาธิปไตย ซึ่งสวนทางกับการคงอยู่และการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของท่านและพรรคพวกนั้น ทำอะไรก็ผิดทุกอย่าง จนบ้านเมืองแตกแยก แทบพังพินาศ แต่ท่านกลับชี้นิ้วหาว่านักการเมืองเลว ชาวบ้านโง่ และระบอบประชาธิปไตยแบบสากลใช้ไม่ได้ ต้องให้เป็นแบบไทย ๆ ซึ่งก็คือ มีท่านเป็นประมุขแบบมีอำนาจเบ็ดเสร็ จดังที่ท่านปรารภไว้กลาย ๆ ตั้งแต่ปี  2529 จนหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ต้องออกมาชี้ว่าจะเป็นการนำไปสู่การล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในที่สุดนั่นเอง









ประการที่สอง
ท่านไม่ได้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม และขาดทศพิธราชธรรมอย่างชัดเจน ดังนี้


o   ครอบครัวของท่านประพฤติตัวเหลวแหลก ไม่เป็นตัวอย่างอันดีกับสังคม ผิดศีลธรรมอันดีงาม จนมีรูปภาพ เอกสาร และหลักฐานอื่น ๆ ตามสื่อต่าง ๆ  กระจายไปทั่วโลก

o   นอกจากนี้ ทั้งครอบครัวของท่าน รับเงินบริจาค เบียดเบียนแม้แต่คนจน ที่หลงคิดว่า ทำบุญกับพวกท่านแล้วชีวิตจะดีขึ้น เป็นการหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้รู้ไม่เท่าทัน

o    การคงอยู่ของพวกท่านสิ้นเปลืองภาษีอากรของประชาชนอย่างมหาศาล งบประมาณปีหนึ่ง ๆ ในหลักหมื่นล้าน เสียไปกับการให้ท่านได้เสวยสุข และเพื่อเทิดทูนคุณความดีของท่าน ทั้งที่พวกท่านไม่ได้สร้างประโยชน์อย่างแท้จริง  แล้วท่านกลับสอนให้ประชาชนอยู่อย่างสมถะ พอเพียง ทั้ง ๆ ที่ค่าแรงขั้นต่ำแค่วันละสามร้อยบาท พวกท่านก็ยังใจดำจะไม่ให้เขา  ทั้งนี้ก็เพราะท่านอยากให้ประชาชนอดอยาก ขัดสน ได้รับการศึกษาน้อย พัฒนาสติปัญญาให้น้อย และมีจิตสำนึกสยบยอม เพื่อท่านและคณะโจรร้ายในร่างผู้ดีจะได้ฉกฉวยประโยชน์สุขไปไว้ในแวดวงของตนต่อไป อย่างง่ายดายและยาวนาน

o   การเป็นประมุขของท่าน ไม่ยึดหลักยุติธรรม ท่าน ลูก และเมีย ได้เลือกข้าง สนับสนุนชนชั้นที่ได้เปรียบ รังแกและเอาเปรียบ กดขี่และข่มเหง และตั้งตนเป็นศัตรูผู้กดขี่ต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่เสียเปรียบอยู่แล้ว

o   นอกจากนี้ ท่านยึดทรัพยากรและผลประโยชน์ของชาติ หรือของคนไทยทุกคน เอาไปเป็นของตนเองและพรรคพวก  เป็นเจ้าสำนักของระบบทุนศักดินาผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ชี้นิ้วเอาทุกสิ่งที่ตนอยากได้ สร้างเครือข่ายไปหากินอย่างตะกละตะกลาม จนทำลายความมั่นคงของเศรษฐกิจ สังคม และลามไปถึงการเมือง หากการเมืองจะไปรื้อหรือกระเทือนต่อฐานอำนาจและผลประโยชน์ของท่านและพวกพ้อง

o   ที่น่ารังเกียจมากกว่านั้นก็คือ ขณะที่ท่านกดขี่ หลอกลวง และเอารัดเอาเปรียบคนทั้งชาติอย่างน่าละอายนั้น ท่านกลับโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวง ให้เกิดความงมงาย ว่าท่านทรงธรรม บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ดุจเทวดา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจและผลประโยชน์ เป็นห่วงและรักประชาชน ทำงานหนักตลอดเวลา และเป็นผู้เก่งกาจ พัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนได้เหนือกว่าใครในแผ่นดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่า เป็นการโกหก สร้างภาพ และสร้างความงมงายแก่วัฒนธรรมไทย และฉุดรั้งการเติบโตทางจิตวิญญาณ สติปัญญา และพัฒนาการต่าง ๆ ของประชาชน ทั้งสิ้น

o   ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อท่านรู้ว่าตนเองไม่ได้ดีอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ และเมื่อยกตนเป็นเทวดา เหนือกฎหมาย แล้วก็ยังมีคนรู้ทัน ท่านจึงได้ปิดปากประชาชน ด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเปิดโอกาสให้ทาสทางจิตวิญญาณและสุนัขรับใช้ของท่านเอาไปใช้ทำลายผู้ไม่ยอมอยู่ใต้รองเท้าของท่านได้ดังใจ  ท่านแกล้งบอกว่า ท่านเดือดร้อนเมื่อมีการฟ้องร้อง แต่ท่านกลับไม่ยอมยกเลิก เข้าทำนองพูดแก้เก้อตามนิสัยไม่จริงใจ คลุมเครือ หรือปากอย่างทำอย่างของท่านที่เห็นกันมาตลอด

o   ที่ร้ายที่สุดนั้น ท่านทำให้มีคนเชื่อว่า ท่านและราชวงศ์รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลย จนเกิดการสังหารหมู่ประชาชนอย่างย่ามใจมาหลายครั้ง ที่เห็นชัดเจนก็คือ ปี 2516 2519 2535 2552 2553 และล่าสุดในการชุมนุมที่ถนนอักษะในวันก่อการกบฎ รัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งท่านเพิ่งได้ลงนามรับรัฐธรรมนูญเถื่อน แล้วนิรโทษกรรมให้กบฎ ฆาตกร และคนชั่วที่ร่วมกันปล้นอำนาจประชาชน ทำลายความเป็นนิติรัฐ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนไทยอย่างป่าเถื่อน รุนแรง และย่ามใจ เช่น การจับกุมผู้บริสุทธิ์ไปทรมาณหรือทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ให้เปลี่ยนความคิดมาสยบยอมต่อกบฏ เป็นต้น  เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ประการที่สาม ท่านได้ขัดขวางและทำลายประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย แทนที่จะส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สุขแก่ “มหาชนชาวสยาม” ดังที่ท่านสัญญาไว้

o   แทนที่ท่านจะสนับสนุนให้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมา ได้ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มกำลังสามารถ ท่านกลับให้สมุนที่มีอยู่ในและนอกรัฐธรรมนูญ ในระบบและนอกระบบต่าง ๆ รวมหัวกันขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ล้มโครงการที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ อ้างเหตุต่าง ๆ นานา ซึ่งล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวง เพราะเมื่อยึดอำนาจได้แล้ว ท่านก็ปัดฝุ่นเอาโครงการใหญ่ ๆ มาทำ เพื่อเถลิงงบประมาณแผ่นดิน แบ่งสรรปันประโยชน์ต่างตอบแทนกันเนือง ๆ เห็นได้อย่างชัดเจน

o   ยิ่งไปกว่านั้น ท่านแข่งกับรัฐบาล  คิดโครงการ แล้วใช้ข้าราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเอกชนทำงานตามความคิดของท่าน โดยใช้งบประมาณจากเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งสิ้น แล้วท่านกลับโฆษณาเอาหน้า หาว่าเป็นผลงานและการพัฒนาประเทศของตนเอง เป็นเรื่องน่าขบขันอย่างยิ่ง ท่านอ้างแม้แต่ว่าตนเองคิดฝนเทียมเพื่อเชิดชูตัวเองอย่างไม่อาย ทั้ง ๆ ความจริง ได้มีฝรั่งคิดและทำก่อนหน้าท่าน

o   ในขณะที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องการทำลายความยากจนให้หมดไป ให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ด้วยตนเอง ท่านกลับต้องการสิ่งตรงกันข้าม จึงพยายามทำลายการเข้าถึงโอกาสและความมั่งคั่งของประชาชน ขูดรีดและสร้างระบบทุนผูกขาดเพื่อยัดเยียดความยากจนให้คนส่วนใหญ่มาตลอด โดยหวังว่าท่านจะได้หลอกใช้ประชาชนได้อีกตลอดไป โดยไม่มีนักการเมืองมาแย่งอำนาจ และความจงรักภักดีที่งมงายไปจากท่านได้เลย

o   ที่เลวร้ายที่สุดและให้อภัยไม่ได้ก็คือ การที่ท่านยึดทรัพยากรของชาติ ทั้งที่ดิน น้ำมัน แก๊ซ และแร่ธาตุทั้งหลายไปไว้ในการจัดการที่ไม่โปร่งใส และบงการอย่างแนบเนียนโดยตัวท่านหรือตัวแทนที่ท่านซ่อนเอาไว้ในหลายมิติ  สร้างความร่ำรวยให้ท่านอย่างมหาศาล จนเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในบรรดาราชวงศ์ทั่วโลก ปล่อยให้ต่างชาติมาแสวงกำไรร่วมโดยประชาชนไม่มีส่วนรู้เห็น และท่านยังคิดจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติมากอบโกยเอาผลประโยชน์ออกไปได้เสมอ ตราบใดที่มันจะทำให้ท่านและคณะอยู่ในอำนาจได้ต่อไป คล้าย ๆ กับการยกดินแดนให้ต่างชาติของบรรพบุรุษท่านเพื่อรักษาบัลลังก์ คือท่านให้ฝรั่งมาดูดน้ำมันและแก๊ซไปใช้และทำกำไรมายาวนานโดยคนไทยไม่รู้ แต่ท่านรวยอย่างก้าวกระโดด หรือการที่ท่านอาจจะให้เผด็จการทหารที่ท่านบงการ ยกดินแดนข้างรางรถไฟความเร็วสูงให้รัฐบาลจีนเพื่อตอบแทนเงินลงทุนที่คณะกบฏคงไม่สามารถหาหยิบยืมได้จากชาวโลก ที่เขารุมประนามการรัฐประหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายและยังดำรงผลอยู่ ณ วันนี้











ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ท่านไม่สมควรเป็นประมุขในระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะท่านได้ทำลายอำนาจอธิปไตยของปวงชนมาตลอด  หลอกลวง กดขี่ เอาเปรียบประชาชน และขาดทศพิธราชธรรมมายาวนาน จนบ้านเมืองเสียหายเกินคำนวณ  และท่านไม่ได้สร้างประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามดังที่เคยสัญญาไว้ แต่กลับแย่งและทำลายมันอย่างต่อเนื่อง  บัดนี้ พวกเราคณะกรรมการภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ที่เชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย และหลักการที่มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้ท่านพิจารณาตนเอง ประกาศสละราชสมบัติ แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนปกครองตนเอง ตามหลักเสรีประชาธิปไตยสากลเสียโดยเร็ว ดีกว่าการที่จะต้องมีประชาชนเขาลุกมาขับไล่ท่านและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสมุนเผด็จการคสช. และคณะที่ท่านบงการอยู่ ได้บังอาจต่อท่ออำนาจอย่างย่ามใจและใช้มาตรการอันโหดร้ายกับประชาชนจำนวนมหาศาลที่อาจจะต้องลุกมาทวงอำนาจของพวกเขาในเร็ววันนี้ 

คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการอำนวยการ
ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน




No comments:

Post a Comment